เมื่อไม่นานมานี้เราได้เห็นข่าวสองข่าวเกี่ยวกับอันตรายจากการนอนของเด็ก ข่าวแรกเป็นข่าวคุณแม่ที่ทำงานก่อสร้าง กลับบ้านด้วยความอ่อนเพลียแล้วกินยาแก้หวัดเข้าไปอีกก่อนล้มตัวลงนอนข้างๆ ลูกน้อยวัยหนึ่งเดือนเศษ พอตื่นขึ้นมาก็พบว่าได้นอนทับลูกน้อยเอาไว้ เมื่อยกตัวขึ้นมาพบว่าลูกหน้าตาเขียวคล้ำ หยุดหายใจ แน่นิ่ง เนื้อตัวซีดเย็น เสียชีวิตไปแล้ว
อีกรายเป็นเด็ก ๑ ขวบเศษที่ไปนอนในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง โดยนอนกับพี่เลี้ยงบนเตียงเดียวกัน ตี ๑ กว่าพยาบาลเข้าไปพบว่าเด็กตกจากเตียง แต่ศีรษะไปติดค้างที่ราวกันตกเป็นเรื่องน่าเศร้ามากหาก "ที่นอน" ได้กลายเป็น "ผลิตภัณฑ์อันตราย" สำหรับเด็กๆ
ทั้ง ๒ ตัวอย่างนี้ แสดงให้เห็นถึงอันตรายของการ ให้เด็กเล็กและเด็กทารกนอนเตียงที่ถูกออกแบบมาสำหรับผู้ใหญ่จริงๆ
ดังนั้น ไม่ควรให้เด็กอายุต่ำกว่า ๒ ขวบนอนบนเตียง ของผู้ใหญ่ ควรนอนเตียงเด็ก (ที่ได้มาตรฐาน) หรือนอนเบาะที่นอนเด็ก (ไม่ใช้เตียง) แยกจากเบาะที่นอนผู้ใหญ่ เด็กเล็กนอนเตียงผู้ใหญ่อาจมีอันตรายจากช่องว่างที่เกิดขึ้นจากการจัดเตียง ช่องว่างที่มีขนาดกว้างกว่า ๖ เซนติเมตรในเด็กทารก (หรือขนาด ๙ เซนติเมตร ในเด็กอายุมากกว่า ๙ เดือนขึ้นไป) จะมีโอกาสที่ลำตัวเด็กจะตกลงไปและศีรษะติดค้างในท่าแขวนคอได้ ช่องว่างดังกล่าวที่พบบ่อย คือ ช่องว่างระหว่างเตียงกับกำแพงซึ่งเกิดจากการจัดวางเตียงไม่ชิดกำแพงจริง ช่องว่างที่เกิดจากการจัดวางเตียงกับเฟอร์นิเจอร์อื่น
วัฒนธรรมไทย พ่อแม่มักนอนเตียงเดียวกับลูกจนโต การปฏิบัติดังกล่าวมีความเสี่ยงในการนอนทับเด็กเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กทารกอายุน้อยกว่า ๖ เดือน คนที่มีความเสี่ยงในการนอนทับเด็กทารกคือคนอ้วนมากๆ คนที่กินยานอนหลับ ยาทำให้ง่วง เช่น ยาแก้หวัด ยากล่อมประสาท คนเมาเหล้า และเด็กโต เพราะคนเหล่านี้มักหลับสนิทเกินไป นอนทับแล้วไม่ยอมรู้สึกตัว
เตียงเด็กเล็กเตียงเด็กเล็กเหมาะอย่างยิ่งที่จะใช้กับเด็กอายุน้อยกว่า ๒ ขวบ อย่างไรก็ตาม ก็ต้องเลือกใช้เตียงที่มีมาตรฐานความปลอดภัย สำนักงานคุ้มครองความปลอดภัย ในผลิตภัณฑ์ของประเทศสหรัฐอเมริกา ได้รายงานการบาดเจ็บจากการใช้เตียงเด็ก ในประเทศสหรัฐอเมริกาถึงปีละกว่า ๑๐,๒๔๐ ราย เป็นการตายประมาณปีละ ๓๕ ราย อย่างไรก็ตาม ก่อนปี พ.ศ. ๒๕๑๓ ซึ่งเป็นยุคที่ไม่มีการควบคุมมาตรฐานของเตียงเด็กเลยพบว่ามีการตายถึงปีละ ๑๕๐-๒๐๐ ราย
สาเหตุที่สำคัญของการตายคือการติดค้างของศีรษะที่ลอดผ่านซี่ราว หรือลอดผ่านช่องรูบนผนังศีรษะและเท้าของเตียง การกดทับใบหน้าจมูกเมื่อหน้าคว่ำในช่องระหว่างเบาะที่นอนกับราวกันตก การแขวนคอซึ่งเกิดจากเสื้อผ้า สร้อยคอ หรือสายคล้องหัวนมดูดเล่นเกี่ยวกับส่วนยื่นของมุมเสา ๔ ด้าน ดังนั้นมาตรฐานความปลอดภัย
ของเตียงเด็กเล็ก ต้องมีคุณลักษณะดังนี้
- ราวกันตกมีซี่ราวห่างกันไม่เกิน ๖ เซนติเมตร
- ราวกันตกจะต้องมีตัวยึดที่ดี เด็กไม่สามารถเหนี่ยวรั้งให้ตกได้เอง
- จากขอบบนของเบาะที่นอนถึงราวกันตกด้านบนต้องมีความสูงไม่ต่ำกว่า ๖๕ เซนติเมตร หรือ ๓ ใน ๔ ของความสูงเด็ก
- เบาะที่นอนต้องพอดีกับเตียง และไม่มีช่องว่างระหว่างเบาะกับราวกันตกเกินกว่าด้านละ ๓ เซนติเมตร
- ผนังเตียงด้านศีรษะและเท้าต้องไม่มีการตัดตกแต่งให้เกิดช่องว่าง หรือหากเป็นลักษณะซี่ราวต้องมีระยะห่างไม่เกิน ๖ เซนติเมตร
- พื้นรองเบาะที่นอนต้องทึบและแข็ง
- มุมเสาทั้ง ๔ มุมต้องเรียบ มีส่วนนูนได้ไม่เกิน ๑.๕ มิลลิเมตร
ประเทศไทยมีมาตรฐานเตียงเด็กเล็กแล้ว แต่ไม่เป็นมาตรฐานบังคับ ที่มีขายในห้างชื่อดังร้อยละ ๘๐ ยังไม่เป็นไปตามมาตรฐานต่างประเทศ เช่นยังมีซี่ราวห่างกันมากกว่า ๖ เซนติเมตร เป็นต้น หลายยี่ห้อที่ส่งออกแล้วถูกตีกลับเพราะไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัย แต่ยังวางขายเกลื่อนที่ห้างบ้านเรา
เตียงสองชั้น
เตียงสองชั้นได้รับความนิยมในบ้านเราไม่มากนัก แต่ก็มีบริษัทเฟอร์นิเจอร์มีชื่อหลายแห่งผลิตกัน อันตรายนอกจากเด็กๆ ขึ้นไปปีนป่ายชั้นบน กระโดดโลดเต้นแล้วตกลงมากัน แล้วก็พบในเด็กเล็กที่เสียชีวิตจากการนอนแล้วตกลงมาตามช่องว่างต่างๆ ลำตัวรอดได้แต่ศีรษะติดค้างเกิดการตายในท่าคล้ายแขวนคอ คล้ายการนอนในเตียงผู้ใหญ่ขวบ
ดังนั้น คำแนะนำการใช้เตียงสองชั้นที่พ่อแม่ต้องรู้ คือ ไม่ให้เด็กอายุน้อยกว่า ๖ ขวบ นอนชั้นบน
อย่าเลือกเตียงที่มีช่องว่างระหว่างขอบล่างของราวกัน ตกกับขอบบนของที่นอนเกินกว่า ๙ เซนติเมตร ข้อนี้สำคัญมาก ก่อนเลือกซื้อเตียงต้องตรวจสอบให้ดี เพราะกระทรวงอุตสาหกรรมยังไม่มีมาตรฐานตรวจสอบ หลายบริษัทที่มีชื่อเสียงก็ยังออกแบบเตียงผิดๆ มาวางขายกันทั่วไปหมด
VDO ตัวอย่างสินค้าที่ : เตียงเด็ก
บทความจาก : iambebebe
ขอบคุณแหล่งที่มาของข้อมูล : www.be-bebe.com
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมที่ : เตียงเด็ก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น